top of page

Testimonial

นภัสสรณ์ นามประเสริฐ (หยก)
มหาวิทยาเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณหทารลาดกระบัง

S__5087241.jpg

🌺🏝️🇺🇸รีวิวโครงการ work & travel ที่ Westin hotel Hawaii

ได้ทำตำแหน่ง housekeeping ไปกับเพื่อนคนไทยจากมหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ นายจ้างจริงๆโอเคนิสัยดีมากโดยเฉพาะเวลาที่ไม่ได้ทำงานด้วยกัน แต่พอทำงานแล้วเคี่ยวมาก5555 เพื่อนร่วมงานก็น่ารักค่ะ มีรถบัสห่างจากตัวบ้านเกือบ 20-30 นาที ป้ายรถบัสที่ต้องลงไปทำงานห่างจากที่ทำงานเกือบ 20 นาที  

ที่พักที่ได้ก็ดีค่ะ แฮปปี้

ในเรื่องทิป เพื่อนบางคนได้ทิป$200ในห้องเดียว

หนูดวงกุดอาทิตย์นึงยังได้$20อยู่เลยค่ะ55555555

แขกจะวางทิ้งไว้ให้เลยค่ะ แขกประทับใจก็จะได้ทิปหนักๆกันไปคร้า

ทิปส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ $10-60

 

🥞 งานสองมีให้หาค่อนข้างเยอะค่ะ ถ้าเราได้ SSN สามารถสมัครได้ทุกที่เลย หยกทำงานแรกแล้วยังมีเวลาและแรงเหลือก็ต้องจัดงานสองค่ะ

ของหยกได้ทำงานสองงานแรกที่ Denny's แต่ค่อนข้างห่างกะที่พักมากบวกกะดึกแล้วไม่มีบัสเดินไกลมากเลยต้องเรียกอูเบอถ้าทำคนเดียวไม่คุ้มเท่าไหร่ค่ะ แนะนำให้หาเพื่อนบ้านเดียวกันทำด้วยจะได้เดินทางไปด้วยกันได้

แต่เป็นงานที่สนุกมากวุ่นวายสุดๆด้วย เพราะเป็นร้านอาหาร all day breakfast และต้องทำทั้งเสริฟน้ำอาหารแล้วก็ต้องทำอาหารด้วย เช่นตกแต่งแพนเค้ก ทำสลัด ทำขนมหวาน และ Milkshake

เพื่อนร่วมงานน่ารักมากใจดี ทิปก็ดีมากเช่นกัน โดยระบบการแบ่งของร้านนี้คือจะแบ่งโซนลงชื่อตามโต๊ะที่รับผิดชอบ เสียดายที่ต้องออกเพราะว่าไกลบ้าน ทำให้จัดเวลาในการเข้างานแรกไม่ค่อยได้

 

👒 🧢 พอออกจากเดนนี่หยกไปทำร้านหมวก อันนี้เงินดีเลยค่ะ ถ้าขอเขาเขาให้ชั่วโมงงานดีมาก งานนี้เป็นงาน retail ต้องส่งยอด ขาย ทำเป้าหมาย ถ้าได้ยอดตามเป้าจะได้โบนัสค่าแรง +$2 

 

🍲 แล้วก็ได้มีโอกาสไปช่วยงานร้านอาหารเวียดนามค่ะ อันนี้ดีเหมือนกัน เงินดีมากๆถ้าทำทั้งวันได้อย่างต่ำเป็นร้อยเหรียญเลยค่ะรวมทิปแล้ว คือหยกทำงานร้านหมวกแต่หยกรอกลับกับร้านเวียดนามเพราะร้านหมวกจะเลิกก่อน หยกก็จะไปอาศัยช่วยร้านเวียดนามยกของแล้วกลับด้วยวันไหนไม่มีงานร้านหมวกแล้วร้านเวียดนามขาดคนก็ไปทำที่ร้านเวียดนามค่ะ หรือสำหรับใครที่ตั้งใจจะมาทำงานที่เดียวกัน ถ้าที่พักอยู่ใกล้ร้านแมคโดนัลแนะนำงานสองเป็นแมคเลยค่ะเพื่อนของหยกทำ เงินดีเหมือนกัน เพื่อนเดินกลับขึ้นบ้านเอาพราะไม่ไกลลงเขาไปหน่อยก็ถึงเลย

และแนะนำงานสองที่ร้านเวียดนามมากๆๆ เพื่อนอีกคนคืนทุนเพราะร้านนี้เลยค่ะ หน้าที่งานคือ เสริฟน้ำอาหาร เก็บและล้างจานชาม เช็ดโต๊ะ ทำความสะอาดร้านอาหารเช่นถูพื้น ก่อนปิดร้าน เจ้าของร้านจะทำอาหารให้กิน และสามารถให้เอากลับบ้านได้ด้วย เลือกได้ทุกอย่างจากในเมนูเลย ตกชั่วโมงเรท $13 และทิปหารรวมนะคะ

ไม่แนะนำงานสองร้านไทยเท่าไหร่เพราะเรทค่อนข้างกดแล้วก็ทิปน้อยเท่าที่ฟังจากเพื่อนมา

มีอีกร้านที่เพื่อนบอกว่าดีคือดุ๊กส์กี้อันนี้อยู่แถวๆโรงแรม ถ้าได้ที่พักแถวๆโรงแรมนี้จะมีรถรับส่งให้ค่ะ ดุ๊กส์กี้เพื่อนบอกว่าเรทดีทิปเยอะเหมือนกันเพราะลูกค้าเยอะมาก

แล้วก็จะมีร้านอาหาร Waikiki อันนี้เพื่อนของหยกที่ทำก็บอกว่าดี หยกเคยไปนั่งมาพนักงานเป็นมิตรมากค่า

ถ้าได้ssnแล้วลองสมัครร้านใหญ่ๆดังๆได้เลย เขาขาดคนเยอะค่ะ

แนะนำหาใกล้บ้านค่ะ ถ้าไม่กลัวเหนื่อยเอาแบบเดินขึ้นบ้านได้ยิ่งดี  เพราะนี่ปีนเขาก็คือการปีนขึ้นมาที่พักตัวเองนี่แหละค่ะ 55555555 

🏔️ 🥾 ที่นี่มีเขาสวยๆเยอะมาก สำหรับ Trekking แต่ตัวหยกเองไม่ได้ไปที่อื่นเท่าไหร่ มีตอนหลงทางแล้วได้มีโอกาส hiking เบาๆค่ะ โอ้ว! มาที่นี่ต้องบอกเลยว่าต้องลองโดดผาสักครั้งนะคะ ได้ไปโดมาคือ สนุก สะใจมากกกกกคร้า 

แล้วก็มีวันก่อนเริ่มงานลองเดินไปทำงานจากที่บ้านดูค่ะ ขาลากมากแต่วิวสวยสุดๆ

เจ้าของร้านเวียดนามพาไปเที่ยวอีกเกาะด้วยค่ะ ความจริงต้องบอกว่าเวลาเที่ยวไม่พอหยกเลยต้องเลื่อนวันที่ต้องบิน แถมเจ้าของร้านให้พักบ้านเขาอีกต่างหากน่ารักมากๆ

หลังจากจบระยะเวลาในการทำงาน ก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ California ก่อนจะเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย

 

✈️ ตัวหยกเองเคยเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน MPLC ในช่วงระดับชั้นมัธยมศึกษา แต่ว่าประสบการณ์แตกต่างกันมาก เพราะตอนไปแลกเปลี่ยนเรามีคนคอยดูแล มีโฮสที่ดูแลเรา มีพ่อแม่ส่งเงินให้ ตอนนั้นสบายกว่าตอนมาเวิร์คมากๆ ค่าบ้านค่ารถไม่มีเลยไม่ได้รับผิดชอบอะไรใหญ่มากนักนอกจากตื่นมาไปเรียนทำกิจกรรมต่างๆ พอมาเวิร์คเราต้องรับผิดชอบทุกอย่างในชีวิตเราเลยต้องจัดการเวลาให้ดีตื่นให้ทันรถบัส ต้องคิดว่าถ้าตื่นสายจะมีใครหารค่าอูเบอร์กะเรามั้ย ทำอาหารถ้าอยากประหยัดเพิ่มก็ต้องตื่นมาทำไปกินกลางวันเช้าขึ้นอีก 

 

👧 ที่อยากจะแนะนำคือก่อนไปพยายามเดินเยอะๆค่ะ ออกกำลังกายด้วยการเดินเยอะๆเพราะมาเวิร์คได้เดินประมาณ 2หมื่นก้าวได้วันไหนที่ทำงานเยอะๆ เตรียมร่างกายให้พร้อมพกยาแก้แพ้แก้เจ็บคอมาด้วย ภูมิอากาศมันเปลี่ยนเป็นหวัดเสียงหายช่วงแรกกันเกือบทุกคนเลยค่ะ

แต่ได้รับประสบการณ์เยอะมากๆ สนุกมากๆค่ะ อยากกลับไปอีกแต่คิดว่ากลับไปอีกครั้งคงไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทต่อแทนค่ะ 🏫 🗽

S__8462350.jpg
S__8462352.jpg
S__8462352.jpg
S__5087237.jpg
S__5087239.jpg
S__5087242.jpg
S__5087238.jpg
S__5087235.jpg
S__5087240.jpg

น้องโรเจอร์ 
มหาวิทยาราชภัฎอุดรธานี

roger 11.jpg
roger.png

Sheraton hotel รัฐ New York
ผมเลือกมาทำที่โรงแรมนี้เพราะเห็นว่าอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และผมก็อยากไปรัฐ New York แถมยังได้ทำงานที่มีบรรยากาศดีมากๆนั่นก็คือจะได้เห็นวิวน้ำตกไนแองการ่าที่มีชื่อเสียง ทุกคืนเขาจะจุดพลุ ผมชอบมานั่งดูเพลินๆก่อนกลับไปที่พัก 

จริงๆผมต้องได้มาทำเป็น housekeeping ในตอนแรก แต่พอมาถึงผมได้ทำในตำแหน่ง houseman ซึ่งเป็นตำแหน่งที่คอยประสานงานกับผู้ช่วยแม่บ้านในการเตรียมห้องก่อนทำความสะอาดกับทางบริษัทซักผ้าในการส่งผ้าปูที่นอนไปซัก ผมได้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะมากๆอย่างที่ไม่เคยใช้มาก่อน ต้องประสานงานกับทั้งสองแผนก ซึ่งเป็นอะไรที่ท้าทายมากสำหรับผมเพราะตอนอยู่ที่ไทย ก็ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษเท่าไหร่ 



 

roger 2.png
roger 3.png

ความจริงผมสมัครมาคนเดียวแต่มีเพื่อนๆคนไทยที่มาจาก MPLC มาด้วยกันครับ แต่ว่าผมเลือกที่จะอยู่กับเพื่อนๆชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเพื่อนที่มาจากประเทศตุรกี มาโครงการ w&t เหมือนกัน กินอยู่นอนด้วยกัน พวกผมสนิทกันมาก กะว่าจะไปเที่ยวประเทศตุรกีด้วยครับ การที่เราเลือกมาอยู่กับเพื่อนขาวต่างชาติทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษ แทบไม่ได้ใช้ภาษาไทยเลยระหว่างเข้าร่วมโครงการ รุ้สึกว่าภาษาอังกฤษตัวเองพัฒนาอย่างมากถึงแม้ว่ามาได้แค่เพียง 3 เดือนก็ตาม 

ผมไม่ได้ทำงานสองเพราะว่าที่โรงแรมนี้ให้งานอื่น ๆ ผมทำและมี OT ให้ด้วย การเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ ผมสามารถนำมาใช้เทียบเครดิตในการฝึกงานของมหาวิทยาลัยผม ผมไปโครงการ Work & Travel ตอนปีสาม ตอนนี้ผมอยู่ปีสี่ เพื่อนๆผมต้องฝึกงานกัน ส่วนผมไม่ต้องเพราะได้ไป w&t มาแล้ว ผมเลยหางานพิเศษทำอยู่ตอนนี้ครับ ตั้งใจว่าอยากจะกลับไปสหรัฐอเมริกาอีกรอบกับโครงการ Internship ปล. ผมทำงานที่เดียวแต่ว่าคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ต้นทุนและระหว่างเข้าร่วมโครงการครับถึงแม้ผมจะทำแค่งานเดียวก็ตาม

roger 8.png
roger 5.png
roger 7.png
roger 6.png

ภูริทัต ศรีวงศ์ยา (บูม)

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

บูม.jpg

สวัสดีครับ..เพื่อนๆทุกคน ผมชื่อบูมส์ ธีระวัตรศรีวงศ์ษา กำลังศึกษาอยู่คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่มีความฝันและมีเป้าหมายใน ชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆและเชื่อว่าเพื่อนๆ น้องๆหลายคนก็คงไม่ต่างกัน เมื่อพูดถึงความฝันของพวกเรามันก็ดูเหมือนจะมากมายเยอะแยะซะเหลือเกิน จนบางทีก็คิดนะครับว่า...เอ๊ะ!! มันจะเป็นไปได้เหลอ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังทำให้ผมไม่ล้มเลิกความฝันเหล่านั้นก็คือการเชื่อในสิ่ง ที่เราฝันและพยายามมองหาโอกาสอยู่เสมอๆ

              สหรัฐอเมริกาเป็นอีกความใฝ่ฝันหนึ่งของผม ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตผมอยากไปท่องเที่ยว อยากไปทำงานอยากไปสร้างชีวิต อยากไปสัมผัสชีวิตในประเทศที่ใครๆต่างก็เชื่อกันว่ามีแต่ความตื่นเต้นที่ ประทับใจมันเริ่มขึ้นตอนประมาณผมอายุ 7 ขวบ ได้เคยดูหนังเรื่อง Titanic เป็นครั้งแรกซึ่งในหนังเรือ Titanic ออกเดินทางเที่ยวแรกไปอเมริกาและในที่สุดพระเอกก็โชคดีที่ได้ตั๋วเรือมาโดย บังเอิญ นั่นจึงทำให้ผมมองภาพของอเมริกาไว้อย่างสวยหรูกลายเป็นความใฝ่ฝันที่ต้องทำ ให้ได้ก่อนอายุ 20 แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปผมจึงได้เรียนรู้ว่ามันไม่ได้ง่ายนักหรอกสำหรับคนธรรมดาๆทั่วไป กับการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเงินทุนค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่หมายรวมถึงขั้นตอนกระบวนการเตรียมตัว ต้องศึกษากฎหมาย ต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมแม้กระทั้งการสัมภาษณ์ที่สถานทูต เหล่านี้มันดูซับซ้อนเหลือเกินสำหรับเด็กอย่างผมแต่เพราะการศึกษาหาข้อมูล และการมองหาโอกาสอยู่เสมอทำให้ช่วงม.ปลายผมได้รู้จักกับโครงการ Work And Travel ที่มันสามารถช่วยให้ความฝันของผมเป็นจริงได้เร็วขึ้น ผมเลยพยายามหาหนังสือมาอ่านติดตามข้อมูลข่าวสารมาตลอด จนกระทั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผมก็ได้โอกาสนั้นมาจริงๆ มันมาถึงเร็วกว่าที่ผมคิดเสียอีก
               

               เริ่มแรกที่ผมตัดสินใจว่าพร้อมที่จะไป Work And Travel ในซัมเมอร์ที่กำลังมาถึงนี้สิ่งแรกเลยที่ผมกังวลมากที่สุดคือ “ เห้ย..!! พ่อกับแม่จะให้ไปป่าวว่ะ” แต่ผมก็พยายามทำความเข้าใจอธิบายด้วยเหตุผลให้ท่านเห็นด้วยคล้อยตาม แม้แรกๆท่านจะไม่ค่อยสนับสนุนมากนักแต่เมื่อท่านได้เห็นความตั้งใจของผม ที่สามารถนำข้อมูลต่างๆ มาอธิบายได้อย่างน่าเชื่อถือรอบแล้วรอบเล่า โดยมีแหล่งอ้างอิงที่สามารถทำให้ท่านวางใจได้ ท่านก็เลยตัดสินใจให้ผมได้ไปตามที่ร้องขอหลังจากนั้นงานยากก็ได้เดินทางมา ถึงครับ นั้นคือการตัดสินใจเลือกเอเจนซี่หรือบริษัทที่เราจะไป Work And Travel นั้นเอง ซึ่งเพื่อนๆหลายคนอาจรู้สึกเหมือนผมคือมันมีมากเหลือเกินจนตาลาย เลือกไม่ถูกว่าจะไปกันบริษัทไหนดี ถามเพื่อนคนนี้ก็บอกอันนั้นดี ถามเพื่อนคนนั้น ก็บอกอันนี้ดีกว่าจนสุดท้ายผมก็ตัดสินใจตามเพื่อนไปโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูล อะไรมากมายครั้งแรกผมสมัครไปกับบริษัทแห่งหนึ่ง อยู่ใจกลางเมืองหลวงของเรานี่ล่ะครับตอนแรกที่เข้าไปพี่ๆทุกคนดูเอาใจใส่ เอาขนมนมเนย น้ำท่ามารับรองและให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี เราสงสัยอะไร พี่เค้าก็บอกหมด แต่หลังจากที่ผมจ่ายเงินค่าสมัครไปเป็นเงิน 5,000 และค่าเริ่มโครงการเป็นเงินมัดจำอีกจำนวน 10,000 บาท ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไปจนผมเริ่มเครียดและเป็นกังวลมากเพราะถามอะไรไปพี่ๆเค้า ได้แต่บอกเพียงว่า “รอไปก่อนนะๆ..เดี๋ยวพี่แจ้งอีกที”แล้วก็หายไปนานๆ กว่าจะติดต่อมาอีกทีก็ตอนจะให้โอนเงินรอบสองงานที่ประกาศไว้หน้าเว็บที่ สามารถเลือกได้ทุกงาน คราวนี้ก็มีข้อจำกัดโน้นนี้จนมีงานให้เลือกแค่สองที่ พอเลือกได้ก็ทำคลิปลงยูธูปเพื่อเตรียมสัมภาษณ์พอสัมภาษณ์ผ่านพี่เค้าก็ดัน มาบอกว่า งานนี้โดนยกเลิกไปแล้ว ผมก็ไม่รู้จะทำไงจะปรึกษาพ่อและแม่ก็กลัวท่านบอกว่า “เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าไม่ดีๆ อย่าไปๆ รอให้เรียนจบแล้วค่อยไปไม่ดีกว่าเหลอ” แต่ท้ายสุดผมยังเชื่อว่าไม่มีใครแก้ ปัญหาให้เราได้ดีกว่าพ่อแม่หรอกแม่ก็ให้คำปรึกษาและให้ผมตัดสินใจ ผมก็ยันยืนยันว่าอยากจะไปเพราะมันเป็นความฝันในช่วงวัยเรียนของผมหลังจาก นั้นผมก็ออกจากบริษัทนั้นโดยที่เค้าก็ไม่ได้คืนเงินให้แม้แต่บาทเดียวเหมือน ที่เคยบอกในตอนแรก

               เหตุการณ์นั้นมันทำให้ผมได้สติมาอย่างหนึ่งที่ว่าต่อไปนี้ชีวิตของเรา เราต้องเป็นคนเลือกและตัดสินใจเอง ผมจึงศึกษาข้อมูล ไล่อ่านรีวิวทุกๆเว็บไซต์ทุกๆบทความ ด้วยตัวเองแต่ก็ยังคงสอบถามจากเพื่อนและรุ่นพี่ที่เคยไป Work And Travel มาเพิ่มเติมจนได้พบกับบริษัท MPLC หรือ Mrs.Pu's Language Center ซึ่งก่อตั้งขึ้นมานานกว่า 20 ปี โดยมี วัตถุประสงค์ในการให้คำปรึกษาและแนะนำเกี่ยวกับการศึกษาต่อต่างประเทศ โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม FACE THE WORLD และการไปทำงานต่างประเทศทั้งในช่วงปิดเทอม Work And Travel หรือการไปทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยมันน่าเชื่อถือตั้งแต่ช่วงเวลา 20 กว่าปี ที่ MPLC ก่อตั้งมาแล้ว เพราะหลายๆบริษัทมีอายุไม่ถึง10 ปีด้วยซ้ำ เปิดมาแป๊บๆ ก็ปิดตัวไป และที่สำคัญคือไม่มีรีวิวไหนเลยที่พูดถึง MPLC ในทางที่ไม่ดี ผมจึงไม่รอช้าก็เข้าไปคุยกับพี่ๆถึงสำนักงานเลยครับบรรยากาศแรกที่เข้าไปมัน ดูอบอุ่นเป็นกันเองมากๆ ภายในก็มีหลักฐานเป็นบอร์ดติดรูปภาพประวัติต่างๆ การดำเนินงานที่ได้รับความไว้วางใจมายาวนาน ผมจึงไม่รอช้าก็ตัดสินใจสมัครเดี๋ยวนั้นเลย ความประทับใจอย่างแรกเลยที่มีต่อ MPLC คือเป็นเอเจนซี่ที่จริงใจ ไม่ต้องรอให้ผมถามคำถามใด พี่ๆเค้าบอกหมดเปลือกไม่มีกั๊กไว้ ทุกอย่างดูมีความหวัง ดูโปร่งใส มีรายละเอียดที่เป็นขั้นเป็นตอนน่าเชื่อถือมีการแจ้งข่าวสาร การเตรียมตัวต่างๆผ่านอีเมลล์และโทรศัพท์มือถือ เป็นระยะๆผมเล่าทั้งหมดนี้ให้แม่ผมฟัง ครอบครัวของผมก็สบายใจ หลังจากนั้นก็มีขั้นตอนการทดสอบเพื่อประเมินความรู้และทักษะด้านภาษาอังกฤษ ของเราและการสัมภาษณ์กับอาจารย์ชาวต่างชาติ เพื่อจัดเลเวลในการเลือกงานของเราในส่วนนี้เพื่อนๆไม่ต้องกังวลนะครับเพราะ จะมีพี่ๆคอยแนะนำว่าเราควรไปทบทวนตรงจุดไหนมาบ้าง มีการเตรียมเอกสารต่างๆการทำพาสปอร์ต วีซ่าซึ่งทุกกระบวนการต่างๆนี้ มีพี่ๆคอยดูแล ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดและที่ชอบมากที่สุดคือการให้บริการด้วยความรัก ของมิสปูและทีมงานนอกจากนี้ยังมีงานให้เลือกที่หลากหลาย ในหลายๆเมืองที่น่าสนใจแตกต่างกันพี่เค้ายังมีการนัดวันเพื่อเทรนทักษะภาษา อังกฤษให้เราก่อนสัมภาษณ์งานอีกด้วย ในที่สุดผมก็ผ่านสัมภาษณ์งานในรอบที่2 ที่ผมเป็นคนเลือกเองซึ่งเป็นงานที่ผมพึงพอใจ ในส่วนของการจองตั๋วเครื่องบินทาง MPLC ก็เปิดโอกาสให้เราสามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ด้วยตัวเองแถมยังแนะนำเอเจนซี่ ที่ทำเกี่ยวกับตั๋วเครื่องบินให้ด้วยนับว่าเป็นโชคดีของผมจริงๆ หนีหนาวมาพึ่งอุ่นที่ MPLC ไม่ผิดหวังจริงๆครับ ผมก็ได้ไปจริงๆครับ ซื้อตั๋วกับทางMPLC โดยที่มีเป้าหมายแวะเที่ยวที่ประเทศเกาหลีก่อนแล้วค่อยบินไปที่รัฐ Montana USA

บูมมม.jpg
บูมม.jpg
บูมมมม.jpg

แต่พอถึงสนามบินผมโชคดีมีญาติมารับ และดีใจมากที่หิมะตกเหมือนพรจากพระเจ้าเพราะผมไม่เคยเจอหิมะมาก่อน ตื่นเต้นมาก แต่มันเริ่มตกหนักเข้าผมจึงเริ่มเข้าใจแล้วว่าน่าจะไม่ใช่พรแล้วล่ะ 5555555 หิมะตกหนักจนรถของเราต้องหยุด เพราะมันเดินทางต่อไม่ได้ หิมะตกติดต่อกันสะสมจนกลายเป็นลานน้ำแข็งสูงบนถนนถ้าฝืนวิ่งรถต่อไป ผมคงต้องตกภูเขาไปก่อนแน่ๆ ใช้เวลาอยู่ในรถเป็นเวลากว่า 4ชั่วโมงครับ ตอนนั้นเป็นเวลาตีสองกว่าๆตามเวลาในอเมริกา มีอีสเตอร์ทำความร้อนในรถเป็นเครื่องประทังชีวิตจนเกือบแข็งตายก็มีเจ้าหน้า ทีทางหลวงมากวาดถนนให้

การเดินทางจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งผมแวะพักโรงแรมในชานเมือง Billings, Montana ด้วยความเหนื่อยล้าตื่นเช้าขึ้นมาอีกวันอามดพาพวกเราไปทานบุฟเฟ่ต์ หลังจากนั้นเราก็เริ่มเดินทางกันต่อไปยังเมือง Hardin ที่ทำงานของผม ซึ่งใช้เวลาไม่นานมากนัก ระหว่างทางเราก็พูดคุยกันบนรถครับว่ายังไม่มีชื่อภาษาอังกฤษเลยบังเอิญว่า เพื่อนผมมองไปนอกหน้าต่างแล้วดันเจอรุ้งที่กำลังโค้งอย่างสวยงามมันเลยเรียก ผมว่า นายเรนโบว์ ผมก็เออออโอเคกับชื่อใหม่นี้ 55555

ไม่ช้าผมก็ไปถึงสถานที่ทำงานครับ ที่ ทำงานเป็น Hotel 3 ดาว เล็กๆ ประมาณ 30 กว่าห้องผมได้มีโอกาสทำความรู้จักกับผู้จัดการโรงแรม เค้ามีชื่อว่า แซค “Hello Zac, My name’s Rainbow.” ดูลักษณะเค้าเป็นคนใจดีมากๆครับ แต่เค้าไม่ใช่อเมริกันนะเค้ามีเชื่อชาติปากีสถาน และในคืนวันแรกเมื่อไปถึงที่ทำงานนั้น เค้าก็ได้พาผมและเพื่อนๆ ไปดูการทำงาน เครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน เรียกได้ว่าเป็นการสอนงานก็ว่าได้ครับ ตอนนั้นคิดในใจว่าเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ กลัวขอให้ได้เงินให้เยอะๆ ก็พอ

บูมมมมมม.jpg
บูมจ้าา.jpg
บูมจ้า.jpg

เช้าวันต่อมามันช่างเป็นอะไรที่ท้าทายกับผมเหลือเกินผมตื่นขึ้นมาด้วยความ ตื่นเต้น วันนี้จะเจออะไรอีกน่ะ.. ตอนนี้ผมมีทุกอย่างกับตัวของกิน ขนมนมเนยมากมาย รวมถึงหม้อหุงข้าวใบใหม่ที่เพิ่งถอยมาขาดอย่างเดียวคือข้าวสาร ...55555

ก็ได้แต่ต้มมาม่าใส่ไข่ใส่ผักใส่หมูลงไปก็ทำให้อร่อยขึ้นอีกเยอะ และโชคดีมากๆ ที่โรงแรมของผมเจ้านายอนุญาตให้พวกเราสามารถลงไปทานอาหารเช้า ได้เหมือนแขกที่มาพักทั่วไปว่าแล้วผมก็ไม่รอช้าครับ เอาทุกอย่างที่สามารถใส่ของได้ไปยึดมาเป็นเสบียงไว้ที่ฐานทักของผมเอง

ทุกเช้าก็จะมีขนมปังปิ้ง มีนมสดมีซีเรียลสุดแสนอร่อยบอกเลยว่าให้อยู่ในห้องอย่างเดียวโดยไม่ต้องออก ไปไหนก็ไม่อดตายครับคงอยู่ได้อีกสองสามวัน การทำงานในทุกๆวันผมต้องตื่นไปทำงานให้ทันและต้องเข้างานในเวลา 09.00 ตรงห้ามไปสายเด็ดขาด ก็จะมีคุณลุงพ่อบ้านคนหนึ่งครับ ที่จะคอยช่วยเหลือพวกเรา คอยแนะนำและเทรนงานให้กับพวกเราวันแรกผมเริ่มทำงานตั้งแต่เก้าโมงและต้อง เสร็จก่อนบ่ายสามซึ่งห้องที่ผมต้องทำความสะอาดทั้งหมดมี 13 ห้อง

โห...!! มันเยอะมากสำหรับผมนะ แล้วจะเสร็จทันไหม ว่าแล้วผมก็คำนวณเวลาผมมีเวลา 6 ชั่วโมง แสดงว่าต้องทำห้องละไม่เกิน 27 นาที แอบถอนหายใจทั้งๆที่รู้ว่ายังไงเราก็ต้องทำให้ได้ ..ว่าแล้วก็เริ่มเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องที่แขกอยู่ต่อหรือแขกเช็คเอาท์ออกไปเข้าไปถึงสิ่งแรกที่ ต้องทำคือ เปลี่ยนและทำความสะอาดถังขยะเสียก่อนจากนั้นค่อยทยอยเก็บผ้าเช็ดตัวผ้าเช็ด หน้าต่างๆ รวมไปถึงปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนซึ่งเรียกว่าชีทต่างๆโดยมีหลายแบบหลังจากนั้นก็ค่อยเริ่มทำความ สะอาดอุปกรณ์ของใช้ เฟอร์นิเจอร์จนครบแล้วค่อยไปทำความสะอาดอ่างล้างหน้า ตามด้วยห้องน้ำ อ่างอาบน้ำและโถส้วมต่อไปก็ต้องมาจัดที่นอนซึ่งถือเป็นขึ้นตอนที่นานที่สุด ครับด้วยชีทแต่ละชั้นที่ต้องปูลงไป

บูมจ้าาาา.jpg

มันมีจำนวนมากเหลือเกินเล่นเอาเหงื่อไหลกันเลยที่เดียวเพราะต้องให้ตึงให้ เรียบจริงๆ ลงของใช้ทุกอย่างสบู่ ยาสระผม ทิชชู่ กาแฟ น้ำเปล่า ผ้าเช็ดตัว ปิดท้ายด้วยการดูดฝุ่น และฉีดสเปรย์ ทำแบบนี้ทุกๆวันเป็นเวลาเกือบสองเดือนช่วงแรกๆเจ้านายก็บ่นๆครับ เค้าต้องการให้พวกเราเสร็จให้ทันเวลาที่เค้ากำหนดผมก็บอกเค้าไปว่า ผมเป็นแค่เด็กนักเรียนนะไม่ใช้แรงงานข้ามชาติให้ทำเยอะขนาดนี้แล้วยังไม่ให้ พักอีก ไม่สงสารผมหรือไงตอนหลังๆเค้าก็เลย ให้ห้องจำนวนน้อยลง ระหว่างการทำงานที่นี่ปัญหาต่างๆเกิดขึ้นมากมายครับ บางครั้งก็ท้อใจนะ เคยมีแอบร้องไห้ข้างเตียงด้วยละเหมือนพระเอก MV เลยตอนนั้นก็มันคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ คิดถึงเพื่อนมากๆ และที่ยิ่งไปกว่านั้นผมคิดถึงอาหารไทย แม้ว่าตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี้ ผมจะทำอาหารกินเองทุกมื้อเพราะอยากประหยัดเงิน เก็บเอาไว้ไปอวดพ่อแม่ เก็บเอาไว้ใช่จ่ายท่องเที่ยว ทำอาหารไทยกินเองจนเจ้านายได้กลิ่นเลยเข้ามาถามว่าทำอะไร ตอนแรกกลัวจะต่อว่าทำอาหารกลื่นแรง แต่ที่ไหนได้ มาชมว่ากลิ่นหอม หลังจากนั้นก็เลยทำอาหารให้เขากินด้วยเป็นประจำ เจ้านายเลยรักผมมาก

วันหยุดของผม ผมก็ชอบไปเดินเล่น เดินเที่ยวแถวดาวทาวน์ของเมืองมันมีโรงหนังที่โรมแมนติกมากๆ เหมือนโรงหนังในไทยสมัยก่อนเลยครับนอกจากนี้ก็ยังมีสวนสาธารณะ มีสนามเด็กเล่น มีศูนย์กีฬาของชุมชน มีสนามบาสเกตบอลอีกด้วย วันดีคืนดี แซคไม่รู้คิดอะไร ก็มาชวนผมไปเที่ยวโน้นนี่ ไปกินอาหารจีนไปเที่ยวในเมืองบ้าง ไปช้อปปิ้งบ้างพาไปกินแมคโดเนลซึ่งเป็นอาหารโปรดที่สุดของผมตอนอยู่ที่นั้น

แน่นอนครับ งาน2 ผมต้องหาเพราะผมอยากได้เงินมาคืนที่บ้านและนำไปท่องเที่ยวต่อ ผมก็พยายามสมัครไปหลายที่ และในที่สุดผมก็ได้งานร้านอาหารฟ้าดฟู้ด McDonald ผมมีหน้าที่ในการทำแฮมเบอร์เกอร์ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบสุดๆเพราะได้แอบกิน บ่อยๆแต่ช่วงแรกๆก็ยังอ่านเมนูไม่ค่อยคล่อง หรือยังจำสูตรเบอร์เกอร์ประเภทต่างๆได้ไม่หมด แต่ก็ด้วยความพยายามของผมและ การมีเพื่อนร่วมงานที่ดีที่แมคโดนัล มันทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้นหลังจากนั้นผมก็มีเพื่อนมากมายเลย เป็นเพื่อนรุ่นน้องเกือบทั้งหมดจะบอกว่าเด็กๆที่เมืองนอกเค้าเริ่มทำงานกัน ช่วงปิดเทอมตั้งแต่อายุสิบสามสิบสี่กันเลยครับจึงไม่แปลกที่ตอนแก่เค้าจะมี เงินเที่ยวรอบโลก ซึ่งต่างจากเด็กไทยบ้านเราที่ยังเฝ้าร้านเกมส์หรือซิ่งมอเตอร์ไซค์อยู่เลย เห็นแล้วก็มีกำลังใจในการทำงานครับ ทั้งเพื่อนๆ และเจ้านายที่แม็คโดนัลต่างใจดีกับผมมากจริงๆ

ต่อมาผมก็เริ่มสนิทกับเพื่อนๆที่แมคโดนัล ไม่ว่าจะเป็น ทีเจ โทดดิลลอน มาร์ค วิลเลี่ยม และอีกหลายๆคน รวมไปถึงผู้จัดการใจดีด้วย ว่างๆเพื่อนก็จะเอารถมารับผมไปเดินป่าไปขึ้นเขา ตกปลาและล่าสัตว์ ซึ่งเป็นงานอดิเรกของเด็กๆที่นี่ครับ ผมก็ชอบอะไรที่ท้าทายแบบนี้เสียด้วยนะ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมันมาไกลจริงๆไม่น่าเชื่อเลยว่าจากลำบากๆ ผมจะมีงานและเพื่อนที่สนุกแบบนี้ชีวิตดูมีอะไรขึ้นมาเลย แม้ว่าช่วงหลังๆแซคจะน้อยใจที่ผมไม่มีเวลาให้แต่ผมก็นำบัตรเเมมเบอร์ลดราคา ของพนักงานแมคโดนัล พาเค้ามาเลี้ยงขนมอยู่ประจำครับแลกกับข้อเสนอให้เค้าสอนขับรถให้ เค้าก็ยินดีมาก ช่วงนั้นผมก็เลยได้เจอกับเค้าอยู่บ่อยๆ เหมือนเดิม ในช่วงหลังๆนี้ผมทำงาน หนักมากครับมือของผมเริ่มมีผื่นแดง และลอกเป็นแผลจากการแพ้น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ที่โรงแรม ผมตื่นมาทำงานเก้าโมง เช้า เลิกงานแรกที่โรงแรมก็ตอนบ่ายสามโมงและมีเวลาพักไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะตอนสี่โมงเย็นก็ต้องไปทำงานสองอีกที่แมคโดนัล เลิกงานอีกทีก็โน้นเลย ครับ ห้าทุ่ม

แซคมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อว่า โนว ครับ ผมสนิทกับโนวมาก ต้องการอะไร อยากไปไหนหรือแซคทำไม่ถูกต้องยังไงผมก็จะคุยกับโนว โนวก็ช่วยเหลือ ผม ทุกที โนวชอบออกกำลังกาย โดยเฉพาะกีฬาว่ายน้ำที่ผมก็ชอบมากเหมือนกันผมเลยได้ติดรถของโนวไปว่ายน้ำ อยู่บ่อยๆ และนั้นก็ทำให้ผมมีสังคมและมีโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนๆที่นั้นมากขึ้น ไม่ว่าจะไปที่ไหนโนวก็จะบอกกับทุกคนว่าผมชื่อเรนโบว์ มาจากประเทศไทย “คุณรู้ไหมว่าเรนโบว์เป็นคนมีฝีมือในการทำอาหารมากๆและเค้ายังเป็นนักร้อง ของมหาลัยอีกด้วยนะ” ผมก็หน้าบานสิครับมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนโนวพาผมไปขึ้นเช็คที่ธนาคาร เค้าก็ไปพูดแบบนี้กับพนักงานธนาคารคราวนี้ก็เกิดเรื่องเลยครับ พนักงานธนาคารทุกคนขอให้ผมลองร้องเพลงให้พวกเค้าฟังตายละ..ผมไม่ได้เตรียม ตัวอะไรมาเลย แต่สุดท้ายก็เปิดเนื้อเพลงในอินเตอร์เน็ตก็ร้องส่งๆไป ในขณะที่ธนาคารตอนนั้นมีคนกำลังต่อแถวรอฝากเงินอยู่เยอะมาก

เมื่อร้องจบทุกคน ก็ปรบมือให้ผม โหหห..มันเป็นฟิวลิ้งค์แบบ เราเป็นฮีโรเหลอว่ะ 55555 หลังจากนั้นผมก็สนิทกับพนักงานคนหนึ่งที่ธนาคารไปเลยครับมาทุกครั้ง เค้าก็จะเป็นคนคอยช่วยเหลือผม เมื่อเวลาผ่านไปผมได้มีโอกาสรู้จักกับใครคนหนึ่งที่สระว่ายน้ำ เค้า เป็นผู้ชายสูงอายุครับ ชื่อว่า เอรอน เค้ารู้จักผมจากการบอกเล่าของโนวเช่นเคยครับ แต่ผมกับคุณลุงเอรอนเราคุยกัน ถูกคอมาก ถึงขั้นเค้าชวนผมไปที่บ้านเพื่อทำอาหารให้ภรรยาของเค้า ที่มีชื่อว่า โครี่

หลังจากเค้าทั้งคู่ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารของผมไป เค้าก็ยิ้มแล้วก็ขอให้ผมเป็นลูกของเค้า ผมตกใจมากครับ 55555 แต่ก็แอบดีใจที่จะได้มีพ่อแม่ที่นี่เสียทีหลังจากนั้นเค้าเลยเป็นครอบครัว ใหม่ของผม คอยมารับมาส่ง พาผมไปเที่ยวในวันหยุดพาไปเจอญาติและแนะนำให้กับเครือญาติของเค้าได้รู้จัก ผม ในฐานะลูกของเค้าต่อมาผมก็เรียกเค้าว่าแดดดี้และมามี้ ผมไม่รู้ประวัติอะไรของพวกเค้ามากนักรู้แต่เพียงว่าเค้าไม่มีลูก และอยู่ด้วยกันสองคน แดดดี้และมามี้ใจดีมากๆครับ ผมมีปัญหาอะไรเค้าคอยช่วยเหลือเหมือนพ่อแม่จริงๆเลย

boom jaa.jpg

หลังจากทำงานที่แมคโดนัลมาได้สักสองอาทิตย์ครับผู้จัดการใจดีคนเดิม เค้ามีชื่อว่า โจซาฟิน ก็ได้มีโอกาสพุดคุยกับผมและเพื่อนเค้าถามเรื่องราวต่างๆ เธอพูดคุยกับพวกเราอย่างเป็นกันเอง และที่ทำให้ผมประหลาดใจมากนั้นคือการที่เธอชวนผมไปอยู่บ้านของเธอเธอบอกว่า ที่บ้านของเธอไม่มีใคร มีแค่สามี มีลูกสาวคนเล็กและเพื่อนของของเธอส่วนลูกๆคนอื่นเค้าไปเรียน ไปทำงานที่เมืองอื่นหมดแล้ว เค้ามีที่ว่างที่บ้านของเค้าสำหรับผมและเพื่อนผมถามไปว่า คุณแน่ใจเหลอ แต่เราเพิ่งรู้จักกันน่ะ แล้วคุณจะมามีภาระเพิ่มทำไมเค้าตอบว่า “มันไม่ใช่ภาระ แต่เธอคือเพื่อนใหม่ของฉัน เมื่อเธอพร้อมก็ขอให้บอกกับฉันฉันจะไปรับเธอทันที..”

ผมกับเพื่อนก็กลับมาคิดว่ามันจะคุ้มไหมแล้วถ้าเราไปอยู่บ้านของเค้า เราก็อยากมีน้ำใจช่วยเหลือเป็นเงินตอบแทนเค้าไปบ้างแต่เค้าจะคิดเราเท่าไหร่ มันจะแพงกว่าที่นี่หรือไม่ พวกเราสองคนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรมาดลจิตดลใจ สุดท้ายก็ตัดสินออกจากโรงแรมและย้ายไปอยู่กับโจซาฟินแต่ก็ยังคงทำงานที่นี่ อยู่เหมือนเดิม พวกเรามีความสุขมากที่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ โจซาฟินเป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ ก่อนผมจะต้องกลับประเทศไทย โจซาฟินได้ขอร้องให้อดีตสามีและเพื่อนรักของเธอพาผมไปท่องเที่ยวเพราะมอนทาน่าขึ้นชื่อเรื่องของธรรมชาติป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์และที่สำคัญคือสวย งามมากๆในที่สุดผมและโครี พร้อม มาร์ละโก เราก็เดินทางไปเที่ยวที่ Yellowstone National Park ด้วย

boom ja.jpg

กันสองคืนสามวันของทริปนี้ มันทำให้ผมอิ่มและหายเหนื่อยจากการทำงานที่แสนลำบากที่ผ่านมา จนหมดแม้ว่า โจซาฟินจะไม่สามารถลางานมาเที่ยวด้วยได้แต่ผมก็ยังคิดถึงเธอตลอดเวลาที่ผมกำลังเที่ยวที่นี่ ผม ได้พบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่ได้สรรสร้างความลงตัวเอาไว้ที่นี่มีทั้งสัตว์ป่าน้อยใหญ่ มีทั้งความงามของน้ำตก มีผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกต่างเดินทางมาเติมพลังท่องเที่ยว ณ ที่แห่งนี้ หลังจากนั้นผมก็กลับมาบ้านของโจซาฟินทันทีที่ถึงบ้านผมก็รู้เลยว่าเหลือเวลาอยู่ที่นี้อีกแค่วันเดียวแล้ว ผมเลยปั่นจักรยานคู่ใจของผมออกไปรอบๆหมู่บ้าน ทุกๆที่ที่ผมเคยเคยได้ไปทุกๆที่ที่มีความหมาย ทุกๆที่ที่ผมได้ทำอะไรๆมากมายกับผู้คนที่นี่ ตลอดเวลาของการปั่นจักรยานไป ทบทวนความทรงจำต่างๆ ของผม ผมก็ได้แต่อธิฐานในใจขอให้ได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้งในอนาคต

ตลอด ระยะเวลาสามเดือนกว่าๆที่ผ่านมา MPLC ดูแลผมเป็นอย่างดีมันไม่ได้สิ้นสุดแค่ตอนที่ผมบินออกจากเมืองไทย แต่พี่ๆยังคงติดตามข่าวสารแจ้งราละเอียดข้อปฏิบัติแนวทางการให้ความช่วยเหลือ เมื่อเราต้องเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ บอกกล่าวแนะแนวให้คำปรึกษารวมถึงการถามไถ่ทุกข์สุขอยู่เป็นระยะๆจนแม้กระ ทั้งกลับมาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตามพี่ๆก็ยังดูแลสอบถามอยู่จน มาถึงตอนนี้ นับว่าเป็นช่วงเวลาครั้งหนึ่งในชีวิตวัยรุ่นของผม ที่ผมได้ออกไปเรียนรู้ และหาประสบการณ์ให้กับชีวิตพบเจอสังคมและสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ต้องเจอกับอุปสรรคและความท้าทายที่ผมเองก็ไม่รู้ได้ว่ามันจะมาเมื่อไหร่ มิตรภาพและความผูกพัน ความทรงจำการเรียนรู้ท่องเที่ยว การใช้ชีวิตอย่างมีสติความรับผิดชอบและความเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงแนวคิดของในการประสบความสำเร็จในแบบฉบับของชาวอเมริกันเหล่านี้มันอาจ ไม่ได้ทำให้ผมเก่งหรือรวยขึ้นแต่แน่นอนผมก็ได้ในสิ่งที่คนที่ไม่เคยมีช่วง เวลาแบบผมได้เหมือนกัน อาจถูกต้องหากพูดว่าการได้ไปเที่ยวต่างประเทศจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ ขอให้ตั้งใจเรียน มีโอกาสก็คงได้ไปทำงานได้ไปเรียนรู้ ได้ไปเที่ยวอยู่ดีเมื่อโตขึ้น มันอาจจะดูเป็นเรื่องไม่ยากสำหรับคนที่มีความพร้อมสูงในหลายๆครอบครัวแต่ สำหรับนักศึกษาหรือวัยรุ่นทั่วไปอย่างผม การไปทำงานหรือไปเที่ยวต่างประเทศมันก็ไมได้เป็นเรื่องง่ายเสมอไป มันคือความใฝ่ฝัน แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่า ช่วงชีวิตวัยรุ่นหรือการเป็นนักศึกษาของคุณต้องไป Work And Travel มันเป็นแค่ตัวเลือกหรือทางผ่านหนึ่งเท่านั้นที่จะทำให้เราเข้มแข็งและเป็น ผู้ใหญ่มากขึ้นหากครอบครัวของคุณไม่พร้อม มันก็ไม่ใช่ปัญหา คุณเองก็สามารถเลือกใช้ทางผ่านอื่นๆเพื่อให้คุณเข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่ที่มี การพัฒนาได้เช่นกันผมเองก็ใช้เงินเก็บส่วนตัวบวกกับเงินที่พ่อแม่ให้บางส่วน เพื่อไปตามฝันในครั้งนี้และแม้คุณจะไม่มีโอกาสนั้น ก็จงอย่าโทษใคร อย่าโทษอะไรทั้งนั้นผมเชื่อว่าถ้าคุณมีความเชื่อในความฝัน ขอเพียงแค่คุณพยายามมองหาโอกาสและจงทำมัน จะต้องมีสักช่องทาง จะต้องมีสักโอกาสที่ทำให้คุณสมหวังไม่ช้าก็เร็วเท่านั้นเอง แต่หากคุณเป็นผู้ที่มีโอกาสนั้น ได้ไป Work AndTravel หรืออยากไปแต่ยังไม่มีโอกาสหรือยังไม่ทราบอะไรเลยเกี่ยวโครงการ Work And Travel เลย ขอให้เชื่อจากประสบการณ์ ของ ผมเถอะว่ามันคงไม่ได้ทำให้ชีวิตของคุณแย่ลงแน่นอน แล้วคุณยังจะได้อะไรอีกหลายๆอย่างที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิตสุดท้าย นี้ขอขอบคุณพ่อและแม่ของผม ขอบคุณเพื่อนๆ ที่สำคัญที่สุดขอบคุณ MPLC ที่ทำให้ชีวิตของเด็กชายคนนี้ได้เจอกับทุกช่วงเวลาทุกๆเหตุการณ์ตลอดสาม เดือนกว่าที่ผ่านมา ผมจะไม่มีวันลืมมันเลย.. ขอบคุณครับ

boom jaaaaaaaaa.jpg
boom jaaaa.jpg
boom jaaaaaaa.jpg
boom jaaaaaaaaaaaaaa.jpg
boom jaaa.jpg
boom jaaaaaaaaaaaa.jpg
boom jaaaaaaaaaa.jpg
มีนา.jpg

น้องมีนา จันทร์เจริญ

มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

งาน: โรงแรม Days Inn Montana

น้องภัคเบญจา วสุกุลสิริ (ผิง)

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

งาน: Marriott Hotel South Carolina

จุฬา.jpg

สวัสดีค่ะ ชื่อ ผิง ภัคเบญจา วสุกุลสิริ นิสิตคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 3 วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การเข้าร่วม work and travel program ที่ Myrtle beach ,South Carolina USA การเล่าวันนี้แบ่งออกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ๆๆดังนี้

1.การทำงาน
จากการที่ผิงได้สมัครเข้า ร่วมโครงการกับทาง mplc จึงมีโอกาสได้สัมภาษณ์งานกับทางตัวแทนของ mplc และAWA ซึ่งAWAจะเป็นตัวแทนของบริษัททางอเมริกาในตอนแรกผิงและเพื่อนๆได้เลือกที่จะ ทำงานMcDonaldsเมื่อการสัมภาษณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีดูเหมือนเราจะได้ไปทำ งานอย่างที่หวังไว้แต่แล้วระดับภาษาอังกฤษของเพื่อนในกลุ่มบางคนไม่ผ่าน เกณฑ์ในการทำงานที่ McDonalds (upper intermdiate) และเวลาก็กระชั้นชิดทำให้เรากังวลกันมากกกและงานที่เหลือให้ เลือกก็มีแค่โรงแรมดังนั้นเราตัดสินใจเลือกที่จะทำงานโรงแรมทั้งที่ก่อนหน้า นั้นเป็นตายยังไงก็จะไม่ทำจนมีเพื่อนจะถอดใจเลิกไปเลยทีเดียวเมื่อคิดไปคิด มาเอาว่ะ ครั้งนึงในชีวิตท่จะได้ไปทำอย่างนี้หลังจากที่ตัดสินใจได้การดำเนิน งานทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีทั้งกาจองตั๋วเครื่องบินทำวีซ่าเตรียมตัวและ แล้วก็มาถึงวันเดินทางที่พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอเรา เดินทางโดยสายการบิน Korean air เพื่อที่ขากลับจะได้แวะเที่ยวต่อที่เกาหลีการเดินทางของเรายาวนานมากก 20กว่าชั่วโมง ต่อเครื่องถึง3ครั้ง กว่าจะมาถึงที่ Myrtle beach เมื่อมาถึงก็มีผู้จัดการที่ดูแลมารับและพาไปที่officeเพื่อทำการปฐมนิเทศและ บอกรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องงานจากตอนแรกdsของพวกเราระบุไว้ว่า dunes ville resort แต่ เรากลับไม่ได้ทำงานที่ระบุไว้ในdsเค้าให้เราไปอีกโรงแรมหนึ่งซึ่งผิงถือว่า เราโชคดีมากกกกโรงแรมนั้นคือ Marriott hotel

แต่ กว่าพวกเราจะได้เริ่มงานกันจริงๆๆ ก็ตั้งรอไปอีกอาทิตย์ครึ่งเนื่องจากโรงแรม ของเราอยู่ห่างจากบ้านมากกก (บ้าน 3south โรงแรม 82 north)
เป็นเหตุให้พวกเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่งเพื่ออาบน้ำกินข้าวให้เสร็จก่อน6.15 เพราะพวกเราจะต้องเดินไปขึ้นรถรอบ 7 โมงเช้าที่อยู่ห่างจากบ้านประมาน 16 ซอบเลยที่เดียว(13north) ใช้เวลาเดินประมาน 30 นาที เราทำอยาางนี้กันทุกวันที่ต้องไปทำงาน แต่ก็อีกแหละ เมื่อเราทำงานไกลต้องมีค่ารถนายจ้างเลยขึ้นเงินให้ ถือเป็นโชคดีอีกเช่นเคย งานของเราคือhousekeeping ดังนั้นงานเราคือ ปูเตียงและทำความสะอาดห้อง เริ่มงานแรกๆๆเราจะต้อง train งานกับแม่บ้านที่มีอยู่แล้วเป็นเวลา 2-3 วัน แล้วแต่ตารางงานซึ่งผิงได้train 3 วัน ขอเรียกเพื่อนร่วมงานทุกคนว่าป้านะจ้าาา ป้าที่trainด้วยทุกคนน่ารักหมดช่วยเราตอนไม่ว่าจะพ้น train แล้วก็ตาม เรียกไปเอาของห้องcheckout พาขับรถส่งบ้านบอกว่ามีคนขโมยผ้ารวม ให้ของตอนจะกลับไทย คุยเรื่องงานกันต่อนะเมื่อเราได้เริ่มทำงานคนเดียว 2-3 วันแรกเราจะได้ห้องในจำนวนน้อยกว่าพวกป้าๆๆ หลังจากนั้นเราจะได้เท่าพวกป้าบ้างครั้งอาจได้มากกว่าเนื่องจากพวกเราทำกัน เร็ว ทุกเช้าจะมีการแจกboard นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าวันนี้จะได้ทำกี่ห้อง โดยเฉลี่ยเราจะได้ทำ 20ห้องและ 8 ห้อง check out วันไหนหนักหน่อยก็จะได้ 15 ห้องcheckout นอกจากรู้จำนวนห้องยังรู้เวลาที่ต้องทำให้เสร็จ ส่วนใหญ่ราวๆๆ 3โมงเย็น checkout เยอะก็จะประมาน4-5 โมง แค่เห็นใบก็รู้ได้เลยว่าวันนี้เหนื่อยแค่ไหน แต่การทำห้องยังไม่เหนื่อยเท่ากับการที่พวกเราต้องหาผ้าปูที่นอนปลอกหมอน ผ้าขนหนูเอง พวกเราต้องทำเองทุกขั้นตอนตั้งแต่ รีด พับใส่รถ ใส่ ห้องแขก เอาลงมาซักครบวงจรในตัวคนเดียวจ้าาาา maneger ของเราจะมีการให้กำลังใจใจการทำงานคือการเลี้ยง pizza และ donut ในวันที่ทำงานหนักส่วนวันทั่วไปที่โรงแรมจะมีการเลี้ยงอาหารกลางวันอยู่แล้ว ซึ่งอร่อยมากกจนเพื่อนโรงแรมอื่นอิจฉาเลยทีเดียว(หลังๆๆๆพวกเรายังแอบเอา กลับบ้านมากินเป็นมื้อเย็นเลย มีทั้งแซลมอนไก่หมูมันฝรั่งเบอร์เกอร์เค้กเบอเกอรี่)

 

ทุกอย่างฟังดูราบรื่น อีกแล้วแต่จริงๆๆไม่ใช่พวกเราตกรถกันบ่อยมากกกเรียกได้ว่าช่วงแรกตกประจำจน ต้องโทรให้ผู้จัดการมารับเลยทีเดียวเนื่องจากรถที่จะวิ่งเข้าเมืองจะมาชั่ง โมงละคนและรอบสุดท้ายคือ 5โมงเย็นถ้าพลาดรอบนี้แล้วเราจะไม่มีรถกลับบ้าน ซึ่งเราไม่รู้ในตอนแรกและการทำงานที่หนักทำให้เสร็จช้าบ้างก็เลยตกรถหลังๆๆเรา เลยต้องรีบทำใครเสร็จก่อนก็รีบไปช่วยอีกคนจะได้ไม่ตกรถถ้ารู้สึกว่ามีแนว โน้มตกรถก็จะรีบขอให้พวกป้าๆๆไปส่งคุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เเรื่องบ้าง(ป้าๆๆ เป็นคน Mexican ส่วนใหญ่) แต่โดยรวมแล้วการทำงานที่ Marroitt ถือเป็นเรื่องที่สนุกและ ได้ประสบการณ์มากมายเลยทั้งเพื่อนรวมงานที่ดีสิ่งแวดล้อมหลายๆอย่างที่ อธิบายไม่ได้รวมถึงเรื่องเงินด้วยนะทิปเยอะเลยทีเดียวล่ะนอกจากที่ผิงและ เพื่อนๆจะทำงานที่ Marriot

แล้วพวกเรายังได้ทำงานที่ Family kingdom ซึ่งเป็นสวนสนุกที่อยู่ในเมืองและใกล้พวกพักพวกเราแค่ข้ามถนนการได้ทำงานที่นี่เป็น เรื่องบังเอิญมากเนื่องจากช่วงแรกงานโรงแรมเรายังไม่เยอะมากจึงเริ่มออก หา second job กันเดินหา ไปเรื่อยๆโดยไม่ได้นึกถึงทร่นี่เลย จนคนในร้านต่างๆที่เราไปสมัครมาบอกว่าให้ ลองมาสิที่ตอนแรกพวกเราไม่มาเพราะคิดว่าเค้ารับเด็กไทยเยอะแล้วไม่น่าจะรับ พวก second job แต่พอเราเดินกลับบ้าน เลยลองเดินเข้าไปถามดูเจอคุณลุงคนหนึ่งแกบอกว่ารับให้เดินเข้าไปสมัครเลยพอ เข้าไปแล้วคนข้างในไม่รับพวกเราเลยจะเดินกลับบ้าน ดันเจอคุณลุงคนแรกแกก็รีบ วอบอกคนข้างในให้แล้วบอกให้พวกเราเดินกลับเข้าไปอีกที

เมื่อเดินกลับเข้าไป คนข้างในให้เรากรอกเอกสารแล้วก็ทำสัญญาในทันทีมารู้ตอนหลังคุณลุงที่เจอคือ เจ้าของสวนสนุกเราโชคดีจริงๆๆเราจึงเป็นกลุ่มแรกๆๆที่ได้ second job ในบ้านพวก เราเริ่มทำงานทั้งสองไปพร้อมๆๆกัน พวกเราได้เป็น photo booth cashier เรามี กัน3คนก็ได้ประจำกันคนละbooth วันแรกที่ทำงานคือวันเปิกสวนสนุกทำงานตั้งแต่ เที่ยงวันยันเที่ยงคืนกันเลย หลังจากนั้นก็ทำงานตามตารางที่เค้าจัดให้ได้ นั่งทำงานในห้องแอร์แถมเป็นsecondjobและยังได้ค่า จ้างที่มากกว่า ทำให้เราเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในหมู่เด็กไทยที่ family kingdom ถ้ายังจำ คุณลุงเจ้าของกันได้ลุงแกชื่อdennyเป็นคนที่น่ารักมากกกคอยถามไถ่เรื่องงาน แยู่เสมอทั้งที่โรงแรมและสวนสนุกว่าเหนื่อยไหมไหวรึเปล่าจำชื่อพวกเราได้ ด้วยดีจริงๆๆผ่านไปประมาน3อาทิตย์ลุง denny ก็ขอให้ผิงมาทำงานเป็น cashier ที่ แผนก food เราก็โอเคผิงถือว่าเป็นโชคดีอีกครั้งเพราะที่แผนก food เราได้ทำหลาย อย่างไม่ใช่แค่ cashier เราต้องขายไอติม ป๊อปคอร์น ไก่ทอดน้ำ เบอเกอร์ หลายอย่างเลย ผิงประจำ ร้านไอศครีมสิ่งที่ขายคือไอศครีม cottoncandy candy apple popcorn แล้วก็น้ำเป็นสื่งที่สนุกมากกไม่มีคนซื้อเราก็นั่งกินมีกลิ่น popcorn กลับบ้านทุกวันนอกจากกลิ่นแล้วบางวันที่ popcorn เหลือเราก็เอากลับได้แต่บาง วันเราก็จะต้องเป็น runner ที่คอยไปช่วย booth ขายอาหารอื่นๆๆอีก booth ที่ไปบ่อยจนหลังๆได้ประจำคือ jetter (ขายเบอร์เกอร์ เฟรนฟราย) สิ่งที่ดีของการขายอาหารคือได้พูดได้เพื่อนรวมงาน.(หลายชาติ)ได้กิน(กินของเหลือ)ได้ทิป (penny,dollar) และได้อีกหลายอย่างเป็นสวนสนุกสวนน้ำฟรี ฯลฯ แต่ก็อีกแหละเมื่อเราทำสองงานก็ มีเหนื่อยมีอยากพักบ้าง (ทำงาน 7 วันติด ทั้งโรงแรมและสวนสนุกทำโรงแรม 8โมง ถึง 4โมง รีบกลับบ้านเพื่อมาถึงสวนสนุกต่อ ตอน 6 โมงถึงเที่ยงคืน ถ้าศุกร์เสาร์ถึงเกือบตีหนึ่ง ซึ่งเหนื่อยมากก

จุฬาา.jpg
จุฬาาาาา.jpg
จุฬาาาาาาา.jpg

2 บ้านพัก

บ้านพักของผิงและเพื่อนๆๆ ผู้จัดการที่ดูแลที่นี้เป็นคนหาให้เพราะเค้ามี contact บ้านพักของเราเป็น อพาทเมนต์3ชั้นชั้นล่างเป็นร้านพิซซ่าส่วนชั้น2และ3เป็นที่อยู่อาศัยพีกห้อง ละ2คนมีห้องครัวเป็นครัวกลางมีตู้เย็นไมโครเวฟพวกเรามาถึงเป็นกลุ่มแรกเลย เลือกห้องพักชั้น 2 อยู่ไปได้ประมาน1เดือนก็เกิดเรื่องไม่ขาดฝันเกิดขึ้นคือใน ห้องเรามีbedbug คือ แมลงที่อยู่ตามที่นอนจะออกมาตอนกลางคืน และคอยกัดดูดเลือดเราตอนแรกพวกเราก็ไม่รู้ว่าเป็นแมลงชนิดนี้คิดว่าแพ้ทั่ว ไปแต่มันเป็นรอยกัดแดงๆๆตามแขนขาและคอเต็มไปหมดเรื่องนี้ก็เกือบทำให้เราตกงานกันเลยทีเดียว

เพราะโรงแรมเข้มงวดเรื่องนี้มากเค้าบอกว่าเราอาจไปแพร่ได้แต่เมื่อผู้จัดการ ไปคุยทุกอย่างก็ผ่านไปได้และยังทำให้เราได้เงินค่าซักผ้า/(ต้องซักผ้า ทุกอย่างที่อยู่ในห้อง)ได้ลดราคาค่าบ้านแถมยังได้ย้ายห้องจากชั้น2ไปยัง ชั้น3ด้วย เป็นห้องที่ใหญ่กว่าเดิมเยอะเลยเสียอย่างเดียวคือห้องเราใช้ฝักบัวอาบน้ำไม่ ได้ ใช้ได้แต่ชักโครกดังนั้นเราเลยต้องไปใช้ห้องน้ำของเพื่อนในการอาบน้ำเป็นแบบ นี้อีกเป็นเวลา1เดือนเต็มถึงจะบอกให้ลุงและป้าผู้ดูแลอพาร์ทเมนต์มาซ่อทแล้ว ก็ตามแต่ก็ไม่ได้ผลผู้จัดการเลยเสนอให้เราย้ายห้องเป็นครั้งที่2เราตอบตกลง และทำการย้ายห้องในทันทีมาที่ชั้น2ห้องหัวมุมกลางสี่แยกเมื่อย้ายห้องเราก็ มีความสุขกับห้องใหม่และการอาบน้ำได้ไม่ถึงอาทิตย์ห้องน้ำเราก็เสียอีกครั้ง คือน้ำรั่วไปยังชั้น1ที่เป็นร้านพิซซ่าเค้าเลยให้เราหยุดใช้ห้องน้ำดังนั้น จึงกลับเข้าวิถีเดิมอีกครั้งคือใช้ห้องน้ำของเพื่อนเรียกได้ว่าเป็นห้องน้ำ สาธารณะเลยทีเดียวเราก็อยู่ไปเรื่อยๆๆจนผู้ดูแลอพาร์ทเมนต์บอกว่าเราสามารถ ย้ายไปพักอีกห้องได้นะแต่พวกเราไม่ย้ายแล้วเพราะอีกไม่นานก็จะออกแล้วถือได้ ว่าอยู่เดือนละห้องเลยทีเดียวอพาร์มทเมนต์ของเราค่อนข้างสะดวกสบายสามารถ เดินไปไหนมาไหนได้มีสวนสนุกอยู่ตรงข้ามจึงทำให้แถวนี้คึกคักอยู่เสมอเรียก ได้ว่ามีคนเดินตลอดเวลายิ่งช่วงเทศกาล bikeweek(คนผิวสีมาขี่มอเตอร์ไซค์ bigbikeกัน) แถบไม่นอนกันเลยเสียดังตลอดเวลายิ่งห้องอยู่ตรงมุมตึกยิ่งทำให้ รู้สึกเหมือนนอนกลางสี่แยกเลยแต่โดยรวมแล้วถือว่าที่พักเราโอเค ใกล้แหล่งชุมชน ติดทะเล และราคาไม่แพงมาก

จาก ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ผิงถือว่าคุ้มจริงๆๆกับการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ทำ ให้ได้ทั้งเพื่อน ประสบการณ์และอีกหลายอย่างที่หาไม่ได้จากการอยู่บ้านเฉยๆในช่วงปิดเทอมครั้ง นึงในชีวิตที่จะหาประสบการณ์แบบนี้ได้

น้องภาณุวัฒน์ (เดฟ)

มหาวิทยาลัยกรุงเทพอินเตอร์

งาน: Adventure City theme park California

IMG_1422.jpg

ขื่อเดฟครับ ที่เลือกไปทำงานสวนสนุกที่รัฐ California เพราะว่าผมและเพื่อนอยากจะไปเที่ยวและใช้ชีวิตที่ Los Angeles และผมมีญาติอยู่ที่ด้วย ถึงแม้ว่าพอทราบว่าค่าครองชีพค่อนข้างสูงเพราะเป็นเมืองหลวงและเป็นรัฐที่มีภาษีแพง แต่ผมตั้งใจว่าการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการได้เงินมากมาย แต่ต้องการที่จะได้ประสบการณ์ในการทำงานและการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ จะรีวิว 3 หัวข้อดังต่อไปนี้

1. ตัวงาน: ตำแหน่งที่ได้คือ Ride Attendant คือมีหน้าที่คุมเครื่องเล่นเป็นหน้าที่หลัก และดูแลลูกค้าโดยเฉพาะความปลอดภัยซึ่งสวนสนุกแห่งนี้เป็นสวนสนุนสำหรับเด็กเล็กครับ เรทชั่วโมงคือ 9$ ต่อชั่วโมง แต่ต้องบอกก่อนว่าผมโชคดีที่นายจ้างและเมเนเจอร์รักผม เขาเลยให้ชั่วโมงเยอะเป็นพิเศษ ส่วนเพื่อนของผม วันแรกที่ไปทำงานโดนสัมภาษณ์ภาษาแล้วไม่ผ่าน จะให้ไปขัดห้องน้ำครับ ผมเลยไปฝึกเพื่อนของผม ให้กลับมาสัมภาษณ์ใหม่จนเพื่อนได้งานตำแหน่งเดียวกับผม แต่ว่าชั่วโมงงานของเขาเทียบกับของผมแล้วคือน้อยครับ ซึ่งก็พอเข้าใจครับว่า ภาษาอังกฤษเขาไม่ค่อยดีด้วย แต่ผมโชคดีมากๆคือ ผมเป็นคนเดียวที่ได้ทำตำแหน่งที่คนชาวอเมริกันเท่านั้นจะได้ทำคือ คุมโซน rock climbing ซึ่งคือต้องคอยดูแลให้เด็กๆปีนหน้าผาให้ถึงจุดมุ่งหมายซึ่งจะต้องมีพละกำลังที่แข็งแรงและภาษาต้องดีด้วย ผมภูมิใจมากๆที่ได้ทำตำแหน่งนี้ กลับมาผิวแทน ได้กล้ามมาเป็นมัดๆ เพื่อนที่นี่ทั้งชาวอเมริกันและเพื่อนจากต่างประเทศที่เข้าร่วมโครงการ W&T ด้วยดีมากๆ เราไปเที่ยวด้วยกันบ่อยมาก ทำอาหารกินกัน ปัจจุบันกลับมาก็ยังติดต่อกันอยู่ครับ ผมไม่ได้ทำงานสอง เพราะผมตั้งใจมาหาประสบการณ์และท่องเที่ยวจริงๆครับ

2. ที่พัก: ตอนที่มาที่พักที่ทางนายจ้างหาให้ ผมกับเพื่อนไม่โอเค จึงขอทำเรื่องหาที่พักเอง ซึ่งที่พักใหม่ถือว่าแพงเพราะว่าตกเดือนละ  $650 ต่อคนครับ แต่ผมโชคดีที่มีญาติอยู่ที่แคลิฟอเนีย เขาชอบมารับผมกับเพื่อนไปทารอาหาร พาไปเที่ยวครับ เลยแทบจะไม่เสียค่าใช้จ่ายทางด้านการกิน เดินทางและท่องเที่ยวเลยครับ จึงทำให้ผมมีเงินเหลือไปเที่ยวญี่ปุ่นต่อครับ แต่ว่าค่าโครงการไม่ได้คืนที่บ้านนะครับ แหะๆ

3. ประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการ: ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆ ได้เรียนรู้การทำงานและความคิดของคนที่แตกต่างหลากหลายรูปแบบ ได้ใช้ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา ไม่ผิดหวังที่ได้เข้าร่วมโครงการเลยครับ ทั้งสนุกและได้ความรู้พัฒนาตัวเองระหว่างปิดเทอม ได้เพื่อนและคอนเนคชั่นใหม่ๆ

100_1300.JPG
dave.png
100_1307.JPG
100_1277.JPG

น้องนภัสนันท์ (เตย)

งาน: Holiday Inn Florida Panama City Beach

teoy.jpg

ชื่อ นางสาวนภัสนันท์ สิทธิพจน์ เรียกง่ายๆว่า ‘เตย’ ค่ะ การเดินทางครั้งนี้เริ่มจากการอยากลองไปใช้ชีวิตในต่างแดนแบบที่ไม่มีพ่อกับ แม่ดูสักครั้งไม่ใช่ว่าคิดว่าตัวเองเก่งเลยแต่เตยคิดว่ามันเป็นการพิสูจน์ อย่างหนึ่ง และอะไรๆได้หลายอย่างเลยทีเดียวค่ะ ตอนแรกพ่อกับแม่ก็ไม่เห็นด้วยกับการไปครั้งนี้ เตยทราบดีค่ะที่พ่อแม่ทุกคนต่างก็เป็นห่วงลูกๆซึ่งเตยขอไปในช่วงแรกพ่อกับ แม่ไม่ให้และไม่ฟังเตยเลย ว่าจะไม่ให้ไปอย่างเดียวถึงขั้นให้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้มาทุกๆ อย่างเตยก็หามาให้พวกท่านดูเป็นหลักฐาน เริ่มตั้งแต่โครงการนี้คืออะไร ไปแล้วทำอะไรอยู่อย่างไร รวมถึงพิสูจน์บริษัทที่น่าเชื่อถือในเวปไซด์ของกระทรวงพาณิชย์ ฟังดูอาจจะดู เว่อร์ แต่มันคือเรื่องจริงค่ะ พร้อมทั้งให้เพื่อน ให้คนรอบข้างพี่สาวช่วยพูดกับพ่อแม่ หาเหตุผลต่างๆนานาที่จะไปแต่สุดท้ายท่านก็ให้ไปค่ะ

เตย อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆคนนะคะเพราะเตยเชื่อว่าการขอไปแดนไกลๆ แบบนี้ พ่อกับแม่ก็ต้องการความเชื่อมั่นไม่อยากให้เราถูกลอยแพ หรือ ลำบาก แต่เตยใช้เหตุผลคุยกับท่านค่ะหาข้อมูลหาบริษัทที่ไว้วางใจได้ และที่สำคัญคือเตยมีเพื่อนไปค่ะถ้าไปคนเดียวอาจจะขอยากนิดนึงค่ะเหมือนกับ ว่าท่านก็อยากให้เรามีเพื่อนไปด้วยอย่างน้อยก็เป็นคนไทยเป็นเพื่อนที่เรา รู้จักกันและเดินทางไปด้วยกันและอยู่ด้วยกันค่ะ

ก่อนไปก็จะมีการสอบสัมภาษณ์3 ด่านด้วยกันค่ะ ด่านแรก คือ สัมภาษณ์กับทางบริษัทที่เป็นเอเจนซี่ (เตยไปของMPLC ค่ะ)เตยสัมภาษณ์กับอาจารย์ฝรั่ง(เป็นคุณครูที่น่ารักมากๆ) ชื่อ อ.ริชาร์ด ค่ะพูดไทยได้ดีเลยทีเดียวค่ะ แต่การสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษค่ะ ถามเรื่องทั่วๆไปค่ะและถามเกี่ยวกับความพร้อมกับการไปครั้งนี้และให้เรา ประเมินตัวเองว่าเราเป็นคนอย่างไร และอาจารย์ก็ชวนคุยเล่นเพื่อให้เรารีเลคซ์มากๆค่ะ เป็นการสัมภาษณ์ที่รู้สึก ชิลและสนุกมากๆค่ะ ชวนเตยเปิดGoogleEarth เพื่อดูประเทศอเมริกาและรัฐที่เตยจะไปว่าเป็นอย่างไรด้วยค่ะ และรู้ผลสัมภาษณ์วันนั้นเลย เตยเลือกที่จะไป รัฐฟลอริดา ค่ะ ซึ่งคิดว่าอากาศเหมือนเมืองไทย(อ่านรีวิวจากในเวปไซค์) เมืองปานามา ซิตี้ บีซ ค่ะ อาจารย์ก็เล่าคร่าวๆให้ฟังว่า ยูต้องไปเจอแบบนี้ๆ และช่วงที่ยูไปจะสนุกมาก เพราะตรงกับช่วงSpring Break พอดี !

ด่านที่สอง สัมภาษณ์กับทางเอเจนซี่ที่อเมริกา ค่ะ โดยเขาจะSkype มา หาดดยทางเอเจซี่ประเทศไทยจะบอกเราว่าจะสัมภาษณ์ช่วงไหน และให้เราออนไว้ตั้งแต่ 3ทุ่มห้ามนอน ซึ่งเขาคอลมาตอน เที่ยงคืนครึ่งค่ะ
คนสัมภาษณ์เตยเป็นผู้หญิง น้ำเสียงดูไม่แก่เลยค่ะ และพูดจาดีมากๆค่ะ ตอนแรกก็ฟังไม่ออกค่ะเพราะพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่ได้แน่นมากแต่ก็พอที่จะสื่อ สารได้แบบงูๆปลาๆโดนการสัมภาษณ์นะคะ มีทริคอยู่นิดนึงค่ะ โดยเราต้องชวนเขาพูดคุยทำให้การสนทาไม่ตรึงเครียดและฝรั่งจะไม่ค่อยชอบให้ เป็นฝ่ายถามอย่างเดียวการสัมภาษณ์ของเตย เริ่มแรกเขาจะให้แนะนำตัวเองส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของเตยทั้งนั้นเลยไม่ถามคำ ถามที่เป็นวิชาการอะไรมากเท่าไหร่เลยค่ะ อย่างมากก็ถามว่ายูรู้อะไรเกี่ยวกับรัฐที่ยูจะไปบ้าง ซึ่งจุดนี้เราต้องหาข้อมูลไปบ้างค่ะตอบแบบสั้นๆ ส่วนของเพื่อนที่ไปด้วย ไม่ผ่านการสัมภาษณ์ค่ะเนื่องจากเพื่อนเกร็งจนเกินไปค่ะ และถูกเขาถามอย่างเดียว เจอคำถามเชิงจิตวิยาไทยเชิงการแก้ปัญหาว่าถามเจอแบบนี้จะรับมือกับมันอย่าง ไรซึ่งเราต้องมีความมั่นใจในการตอบมากๆและออกแนวเชิงขำๆ อย่างนิ่งเงียบเด็ดขาดและพอหลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จก็โทไปเล่าให้พ่อกับแม่ ฟัง และซึ่งอดหลับอดนอนกันมาตอนเย็นเวลาของประเทศไทยประมาณ 4โมงกว่าๆ มีโทรศัพท์โทรเข้ามาบอกว่า ‘ยินดีด้วยนะคะน้องผ่านการสัมภาษณ์แล้วค่ะ!’ซึ่งเตยดีใจมากๆค่ะ

ส่วน ด่านสุดท้ายนะคะนี่ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายค่ะ คือการสัมภาษณ์วีซ่าค่ะแต่ด่านตรวจค่อนข้างจะเข้าถึงยากนิดนึง ซึ่งการนัดสัมภาษณ์วีซ่าทางเอเจนซี่เราจะเป็นคนนัดค่ะห้ามเอาอุปกรณ์อิเล คทรอนิคต่างๆเข้าไปเด็ดขาดค่ะ แม้แต่แบตสำรองก็ห้ามค่ะและมีการตรวจค้นร่างกายอย่างเข้มงวดมากๆค่ะแบบ one by one เลย ค่ะเมื่อไปถึงหน้าสถานฑูตอเมริกา สิ่งที่เห็นคือแถวค่ะซึ่งยาวจากหน้าประตูทางเข้ายาวออกมาถึงรั้วและจากรั้ว ยาวมาถึงสะพานลอยข้างนอกตรงถนใหญ่เลยค่ะยืนรอนานมากๆๆ ร่วม 3 ชั่วโมง มีแต่เด็กๆนักศึกษาเยอะมากๆค่ะ และแดดร้านมากๆค่ะก็มียามคอยถามว่าเอาน้ำไหม ใครจะเป็นลม ซึ่งน่ารักมาๆ
เมื่อเข้าไปถึงในห้องสัมภาษณ์ค่ะ จะเป็นหน้าต่าง ช่องๆ มีฝรั่งสัมภาษณ์ค่ะ ถามแค่1 คำถาม คือ GPA ยูเท่าไหร่ ละจบ พร้อมกับบอกว่า ขอให้สนุกกับการเดินทางในอเมริกา5555 ซึ่งแบบงงมาก ว่า เอ้ะ? นี่เราผ่านแล้วหรอ

 

 

teoy2.jpg

เริ่มต้นการเดินทางวันที่ 24 มีนาคม 2557 ตรงกับช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัยพอดีและก็เป็นช่วงที่กำลังจะขึ้นปี 3 นี่ เป็นโอกาสเหมาะมากๆค่ะ เพราะปิดเทอมนานเป็นปีแรกของมหาวิทยาลัย อีกทั้งปีหน้าเตยก็คงไม่มีเวลามาอีกแล้วเพราะปิดเทอมใหญ่ตอนปี3 เตยต้องฝึกงาน ...วันนั้นพ่อกับแม่และน้องชายก็ไปส่งที่สนามบินค่ะยอมรับตอน เชคอินก็เกือบๆร้องไห้ต่อหน้าพ่อกับแม่ เตยยอมรับค่ะว่าเป็นคนติดแม่มากๆเพราะไม่ค่อยไปห่างจากครอบครัวไปที่ไกลๆและ ระยะเวลายาวนานขนาดนี้มาก่อนแต่พอเตยสวัสดีร่ำราและเตยก็รีบหันหลังเข้าไปใน ประตู น้ำตาเตยก็ไหลเลยค่ะ

การเดินทางไปอเมริกาครั้งนี้ เตยจะจดจำไปอีกนานค่ะเนื่องจากเป็นการนอนสนามบินครั้งแรก ไม่ถึงกับนอนหรอกค่ะ แค่งีบๆ เนื่องจากเตยต้องไปต่อเรื่องที่ประเทศเกาหลี(สนามบินอินชอน)บินออกจากประเทศ ไทยตอนประมาณ5ทุ่ม ถึง เกาหลีประมาณ7โมงเช้าของเกาหลี เป็นระยะทางแค่ไม่กี่ชั่วโมงเตยก็เพลียแล้วค่ะ และรอต่อเครื่องบินยาวๆไปลงที่ แอตแลนต้า ใช้เวลาจากเกาหลีประมาณ 13 ชั่วโมง

 

 

ถึง EPC แล้วจ้า.. สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือบรรยากาศ ! ที่หนาวและเย็นมาก
 

การผจญภัยจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ. หลังจากที่เดินทางมา1วันเกือบ2วันเต็ม และรอเอเจนซี่ที่อเมริกา (สังกัดAWA) จ้างมา มารับพวกเราอีกทีไปยังที่พัก ก็มาเจอเด็กไทยกันอีก4คนซึ่งเราก็ไม่รู้เลยว่าเราต้องมาอยู่ด้วยกันที่ที่ เดียวกัน พวกเรารอกันประมาณเกือบ 3 ชม. คือเราไม่สามารถถติดต่ออะไรกับเขาได้เลย รอจนคนในสนามบินไปกันหมดซึ่งเงียบมากๆ และเราก็ไปถามเจ้าหน้าที่ในสนามบินว่าพอจะช่วยเราติดต่อได้ไหมซึ่งเรามี เบอร์โทร ติดต่อไปเขาก็บอกว่ากำลังมารับ ซึ่งเราโล่งอกมากๆซึ่งคนมารับชื่อ Ben และลูกน้องอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนจีนทั้งหมด พาเราไปพักที่ Ashley Apt. ซึ่งบรรยากาศของที่พักดีมากๆ สะอาด น่าอยู่มีสระว่ายน้ำ มีฟิตเนส เป็นเหมือนหมู่บ้านของฝรั่งที่เริ่มก่อสร้างครอบครัวน่ารักๆห้องที่เราอยู่ กันห้อง 323 เป็นห้องขนาดใหญ่สุดไม่ได้รู้สึดอึกอักอะไรเลย เพราะมีห้องนั่งเล่นกลาง 1 ห้อง ห้องน้ำ 2 ้อง ห้องนอน3ห้องเราอยู่ด้วยกัน 6 คน เดินทางมาวันแรกที่ตื่นขึ้นมานึกว่า Ben จะพาไปหานายจ้างแต่สุดท้ายพวกเราต้องเดินไปหานายจ้างเอง อุปสรรค์เริ่มเกิดขึ้นเพราะพวกเราเจอคนดูแลไม่ดีเลย มันมีรายละเอียดเยอะมากและค่าเช้าบ้านที่แสนจะแพงเก็บคนละ ย้ำ! คนละ $350 /เดือนและเก็บมัดจำอีก คนละ $200 (จะได้หลังแจ้งออกจากบ้าน) เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนที่นี่มากมาย และที่สำคัญค่าบ้านที่เราจ่ายกันไปเราสามารถเปิดแอร์เปิดน้ำได้ตลอด 24 ชม.

ซึ่งประเทศนี้ไม่มีคำว่าเปลืองเลยจริงๆ 55555 5 เพราะเป็นราคาที่คิดแบบเหมาจ่ายอยู่แล้ว หลังจากที่ไปหาเจ้านายต้นสังกัด ที่โรงแรม Holiday inn ห่างจากที่พักประมาณ 3-4ไมล์ เป็นแผนก HR ซึ่งน่ารักกันมากๆ เขาไม่รังเกลียดเราเลยและพร้อมที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ โดนให้เราสอนพูดภาษาไทย ให้เขาอีกด้วย เขาให้เราเซ็นเอกสาร แนะนำต่างๆและส่งเราไปทำงานโรงแรมในเครืออีกที่นึงซึ่งไกลออกไปจากรร.นี้อีก ไม่กี่ไมล์ แต่ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้ว ก็ไม่ไหวที่จะเดิน และผู้จัดการ HR (เป็นผู้หญิง) หลังเลิกงานเขาก็อาสาพาพวกเราไปซื้อจักรยานที่ walmart

 

 

teoy3.jpg
teoy5.jpg
teoy7.jpg
teoy8.jpg
teoy6.jpg

ในรูปชื่อคารอส เป็นผู้ช่วย HR Mgt. สามารถพูดได้หลายภาษา โดยเฉพาะภาษาสเปน เพราะคนงานส่วนใหญ่ในอเมริกาเป็นคนสเปนมาจากแมคซิโก เขาเป็นผู้คอยดูแลพนักงานใหม่ทุกคน รวมถึงขับรถพาเราไปตรวจปัสสาวะที่คลีนิกและรอรับกลับ และนัดปฐมนิเทศพนักงานใหม่ ดูแลเรื่องเอกสารเซนเอกสาร ถ้าเราไม่เข้าใจตรงไหน ก็ถามเขาได้เลย กรอกตรงไหนอย่างไรอธิบายชัดเจน คุยเล่น สนุกมากๆเมื่อเรามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการทำงานเราสามารถบอกเขาได้เลยเขาส่ง พวกเตยไปทำงานที่ Casa Loma Hotel ห่างจากบ้าน 7ไมล์ ซึ่งต้องปั่นจักยานท้าลมหนาวไประยะหนึ่งเนื่องจากที่เตยไปช่วงนั้น ฟลอริดาโดนพายุหิมะ อากาศจึงหนาวและเยนมากๆ บางวันติดลบ4 องศา เพื่อนข้างบ้านเล่าให้ฟังว่าเมื่อเดือนก่อนที่พวกเตยจะมา ฟลอริดาหิมะตก ในรอบ 20ปี ซึ่งประหลาดมากเพราะที่ทุกคนรู้ดี เป็นรัฐที่อากาศเหมือนเมืองไทย นั่นคือร้อนชื้น/อบอุ่น
แต่ ก็แอบแปลกใน อากาศหนาวลมเย็นขนาดนี้ ก็มีพวกวัยรุ่นอยู่ตามชายทะเลใส่ชุดว่ายน้ำ/บิกินี่ เดินอย่างไม่รู้สึกอะไร เลยพวกเตยก็ใส่เสื้อกันหนาว คนก็มองละแซวๆและก็หัวเราะกัน ช่วงนั้นเป็นช่วง Spring break พอดีวัยรุ่นจะเยอะมากแทบทุกโรงแรม และตามชายหาด เพราะเนื่องจากปิดภาคเรียนกัน หาโอกาสมาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ

...โรงแรม ที่ทำงานอยู่ติดทะเลบรรยากาศดีเพื่อนร่วมงานน่ารักเป็นชาวแมกซิกัน ทำงานในตำแหน่งแม่บ้านทำความสะอาดห้องพัก เริ่มแรกเขาจะให้เราไปเทรนกับพนักงานเก่าก่อนจะสอนเราต้องทำความสะอาดอย่าง ไร ทำตรงไหนบ้าง และจัดห้องอย่างไร วางหมอนแบบไหน และห้องแต่ละห้องที่ทำก็แสนจะสกปรกบางทีเจอห้อง เชคเอาท์เข่าแทบทรุด 555 5 ทั้งทรายทั้งน้ำ ทั้งเลอะเทอะ ไม่รู้จะเริ่มเก็บตรงไหนก็ดีเลยค่ะ และห้องพักของที่นี่ จะแปลกกว่าประเทศไทย บางโรงแรมเนื่องจากจะมีห้องพักแบบมีครัวด้วย นี่เป็นห้องที่เลอะที่สุด ชั้นนึงจะมีประมาณ 7 ห้องนอกนั้นจะเป็นห้องปกติ เตียงเดี่ยวเตียงคู่ สลับกันไป
 

...และนี่ก็เป็นหน้าตาของ Supervisor ของพวกเราค่ะ

คอย ดูแลจัดการ คอยบอกว่าห้องไหนพักต่อ/เชคเอาท์ เป็นชาวอเมริกันค่ะชื่อ จอนนี่ เป็นคนน่ารักดีค่ะเตยชอบคุยเล่นเพื่อที่จะฝึกภาษาสำเนียงอเมริกัน 55 โดยเตยจะพูดตามจอนนี่ทุกประโยค ทุกคำที่เตยได้ยิน แปลออกบ้างไม่ออกบ้างและ จอนนี่ก็จะหาว่า นี่ยูพูดตามไอทำไม ซึ่งเขาก็คิดว่า เตย ไปกวนหรือล้อเลียนเขาค่ะ 5555 5 และเตยก็อธิบายถึงเหตุผลให้เขาฟัง เขาเลยยินดีที่จะสอนภาษาอังกฤษให้เราค่ะ จอนนี่น่ารักมากๆ ส่วนเพื่อนๆที่ร่วมงานกันก็ไปคนสเปนทั้งนั้นค่ะ บางคนไม่ชอบเด็กไทยก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่พวกเตยก็ไม่สนใจแต่มีเพื่อนร่วมงานคนๆนึง คอยสอนเตยทุกอย่าง การทำความสะอาดต่างๆ คนคนนี้เป็นอย่างไร ต้องทำตัวอย่างไร และคอยไปรับ-ส่ง เตยไปทำงาน/เลี้ยงข้าวพาไปช้อปปิ้ง

เขาเป็นคนแมกซิกันเช่นกันค่ะ ตอนไปเตยกับเพื่อนอีกคนชื่อพลอย(ที่มาด้วยกัน) ตอนเช้าไปออกไปรอรถโทลเลย์ (รถ เมล์เหมือนบ้านเรา) ซึ่งออกเป็นเวลามีเฉพาะจัน-เสาร์ จอดที่ walmart เตยกับพลอยเอาจักรยานจอดไว้ที่นั่นก็ไปขึ้นรถกันรอบแรกเขาคิด ราคานักเรียนค่ะ 555 $0.75ขึ้นทุกวันจนคนขับรถจำหน้าได้ ซึ่งบางวันไม่ต้องตะโกนบอกว่า next stop เลยค่ะ เขาจะชะโงกมองที่กระจกว่าวันนี้เราขึ้นรถมารึเปล่า555 5พอตอนกลับเค้าก็มาส่งเตยกับพลอยที่ walmart และเตยกับพลอยก็ขี่จักรยานกลับบ้านค่ะซึ่งเตยกับพลอยทำแบบนี้ทุกๆวัน และเขาก็เต็มใจที่จะไปส่ง เขาชื่อ Otoniel (โอโตเนียน) เรียกกันเป็นภาษาเมกันว่า โทนี่ค่ะเขาอายุไล่เลี่ยกะพ่อแม่เตยเลย อยู่กับเขาแล้วเตยรู้สึกปลอดภัยเขาก็เอ็นดูเราเหมือนลูกของเขาเช่นกันค่ะ เพราะเขาก็มีลูกสาวแก่กว่าเตย 2-3 ปีแต่เขาเป็นคนที่ พนักงานในที่ทำงานไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ค่ะ ซึ่งเตยคิดว่าเพราะเค้าทำงานที่นี่มา6 ปี ละอีกอย่างคือเขาได้เป็น Supervisor แทนวันที่จอนนี่หยุดงานซึ่งพนักงานบางคนทำงานนานกว่าไม่ได้เป็นหัวหน้า เขาเป็นคนค่อนข้างจุกจิกเวลาห้องไม่สะอาดแม้แต่เส้นผม 1 เส้น 555 5 มาที่นี่ว่าจะได้ภาษาอังกฤษกลับไปแต่ผลที่ได้คือ ได้ภาษาสเปนกลับไปค่ะ 555 เพราะได้ยินเพื่อนคุยกันทุกวันฟังเพลงสเปนทุกวัน คนที่ทำงานสอนพูดบ้าง และที่สำคัญ โทนี่ตั้งชื่อเป็นภาษาสเปนให้ชื่อ Donita (โดนิตะ) ซึ่งเป็นว่าโดนัทเขาบอกว่าเตยอ้วนเหมือนโดนัท เอิ่ม..555 5 (จะดีใจดีไหม-.-)

ทำงานอีกประมาณเกือบสองเดือนได้เวลาที่เราต้องเที่ยวบ้าง พอดีเพื่อนในบ้านทำงานวาฟเฟิลเฮ้ามีโอกาศหยุดตรงกัน 1 วัน ค่ะ แต่เราจะไปเที่ยวกัน 3 วัน 2 คืน จึงต้องขอร้องจอนนี่5555ทางเฟสบุ๊ค555 จอนนี่อนุญาตค่ะ จากนั้นก็เก็บกระเป๋าไปออแลนโด เย้ๆ 5555 5 พวกเรานั่งรถGreyhoundจากสถานีในเมืองไปยังออแลนโด ใช้เวลา 8 ชม.เต็มๆค่ะ แต่ดีที่มีไววไฟให้เล่นตลอดทางและเรา ไปต่อรถที่อีกเมืองนึงก่อน และจองโรงแรมชื่อ Days Inn นั่งแทกซี่หน้าสถานีไปกันค่ะซึ่งทริปนี้เราจะไปเที่ยว Universal studios กันค่ะโดยที่นี่มีบริการรับส่งฟรี ;) ทริปนี้เดินทางไปกัน 4 คนค่ะ มีพี่จีจี้ น้องไนท์ เตย พลอย พวกเราจองทุกอย่างผ่านอินเทอร์เนตค่ะ โดยตัดผ่านบัตรเครดิตทั้งหมด รวมถึงซื้อบัตรเข้าสวนสนุก สะดวกมากๆ

เราเล่นเครื่องเล่นกันทุกอย่างค่ะ สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยเมืองนี้ต่างกับเมืองที่เราอยู่กันมากๆ เพราะมีแสงสี ข้างทางสวยมากๆค่ะมันเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว มีรถโทลเล่ย์สำหรับเดินทางไป-กลับ outlet ถึงที่พักเลยค่ะสองข้างทาง ก็จะเต็มไปด้วยร้านอาหารเยอะมากๆนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆก็เยอะมากๆเหมือนกัน ค่ะ.

 

 

teoy10.jpg
Teoy11.jpg

การใช้ชีวิต ณ แดนไกลเริ่มจะสิ้นสุดลงค่ะ เมื่อคนในบ้านทยอยหายกลับไทยไปทีละคนทีละคน
คนที่ทำงานก็เศร้า โดยเฉพาะโทนี่ ค่ะ วันสุดท้ายที่เตยทำงาน เขาซึมมากๆค่ะมากอดมาถ่ายรูปด้วยตลอด บางคนที่ไม่ชอบเตยเขาก็ดีใจค่ะ
พวกเตยก็จัดการทุกอย่าง เคลียร์ทุกอย่างแม้กระทั่งจักรยานที่ซื้อมาก็ไปขายให้เด็กจีนเพิ่งมาถึงอเมริกาวันแรก
เตยซื้อมา $49 ขาย $30 ซึ่งคุ้มมากค่ะ ใช้3เดือน ตากทั้งแดดทั้งฝน สนิมขึ้น ยางเริ่มเสื่อมฮ่าๆๆ
เตยกับพลอยก็ออกจาก ปานามา นั่งรถไปออแลนโดอีกรอบค่ะ

คราวนี้เราไปเที่ยวเป็นกรุ๊ปใหญ่ไปกับพี่ๆในบ้านทั้งหมด 7 คนอัดกันในห้องเล็กๆ1ห้องของโรงแรมเดิม หารกันตกคืนละ $7
 

S__126337098.jpg

น้องหญิง ทิพย์ศรีทอง

มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

งาน: Camden on the lake resort

น้องกระเต็น จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
งาน: Carson city inn

เมืองที่หนูไปจะเหมาะกับคนที่ชอบธรรมชาติมากกว่าค่ะ เมืองไม่วุ่นวาย ส่วนมากจะมีผู้สูงอายุเยอะ เพราะเป็นเหมือนเมืองที่คน retired มักตะมาอยู่ แต่ facility ครบนะคะ อย่าง Starbucks, MCs, Taco Bell, Walmart, Costco, etc. มีครบเหมือนเหมืองใหญ่ๆเลยค่ะ เพียงแต่จะไม่มี outlets หรือว่า club 

ถ้าจะไป outlet ต้องไปรถส่วนตัวหรือแกร้บ ไป Reno ค่ะ ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง/

/ไปSan Francisco นั่งรถส่วนตัว 4-5 ชั่วโมง/ ไป Lake Tahoe นั่งรถส่วนตัวหรือแกร้บชั่วโมงครึ่งค่ะ / Virginia city ชั่วโมงครึ่งค่ะ

อ่ออีกอย่างเมืองนี้เป็นเมืองคล้ายชายเเดนค่ะ อยู่ NEVADA แต่ขับรถชั่วโมงนิดๆก็ข้ามไป California ได้เเล้วค่ะ

 

 

 

 

S__247529478.jpg

เรทเงิน : 

เรทงานไม่สูง แต่ก็ไม่ได้ต่ำ สามารถ Make money ได้ค่ะ หนูไปทำงานที่ Carson Valley Inn ถ้าอยากทำหลายงาน ขอ HR หรือ Supervisor ให้จัดตารางได้เลยค่ะ มีหลายหน้าที่ให้ทำในโรงแรมเลย อย่างหนูได้ทำหลายอย่างมาก ช่วงแรกไปที่เจ็บมือเพราะพึ่งผ่าตัด หนูทำแผนก Laundry ที่ต้องซัก รีด พับผ้าของโรงแรมค่ะ แล้วก็ทำงานแคชเชียร์ในร้านอาหารของโรงแรมเป็นชั่วโมงโอที พอเดือนสุดท้ายก่อนกลับ เปลี่ยนมาทำเป็น housekeeping งานหลัก แล้วก็ทำ laundry เป็นโอทีค่ะ ได้ประสบการณ์หลายอย่างมาก

ส่วนถ้าใครไม่อยากทำโอทีในโรงแรมๆ สามารถเดินหางานได้เช่นกันค่ะ

ที่พักก็นอนโรงแรมเลยค่ะ เหมือนแขกคนนึงเลย 100$/weekค่ะ

อากาศ :

หนูไปถึงต้นพฤษภาคม หิมะยังตกปลายๆอยู่เลยค่ะ แล้วก็ค่อยๆเข้าซัมเมอร์ จริงๆร้อนเหมือนเมืองไทยเลย แต่ว่าเป็นร้อนแห้ง ไม่ร้อนชื่น ร้อนแบบร้อนตะโกน แต่เหงื่อไม่ตกนะคะ🤣

แล้วก็ฝั่งนี้อากาศไม่แปรปรวนเท่าฝั่ง Eastern ค่ะ

 

ด้านบนรีวิวโดยรวมนะคะ ส่วนอันนี้ความเห็นหนูค่ะ

 

ส่วนตัวหนู หนูชอบที่นี่มากค่ะ ชอบจนไม่อยากกลับเลย แบบผูกพันไปเลยค่ะ😂 หนูโชคดีมาก ไปเจอเพื่อนร่วมงานดี เจอ supervisor ดีมาก เขาทรีทหนูเหมือนครอบครัวเลยค่ะ พวก Lake Tahoe, Sand habour, San Francisco, Virginia city, Reno ซุปหนูพาไปเที่ยวหมดเลยค่ะ หรือพาไปบ้าน ไปทำกับข้าว เล่นบอร์ดเกม ทานข้าวเย็น เหมือนได้โฮสต์แฟมิลี่เลยค่ะ เลยรู้สึกว่าการไปครั้งนี้ไม่ได้แค่ไปทำงาน แต่ได้ไปใช้ชีวิต ได้ครอบครัวด้วยค่ะ แล้วก็อย่างที่บอกว่าหนูชอบเมืองธรรมชาติด้วย เมืองนี้ก็โอเคเลย แต่ไม่ใช่ธรรมชาติเกินถึงขั้นรอบตัวมีเเต่ป่า ไม่ใช่เเบบนั้นนะคะ🤣 เรทเงินก็อยู่ได้ค่ะ กลับมาก็ยังมีเงินเหลือเฟือเลย ถ้าไม่ได้เที่ยวหลังเลิกงานนะคะ เพราะหนูกลับมาเรียนเลย🤣 ถึงจะไม่ได้เที่ยวรัฐอื่นแต่อยู่ที่นี่ คุ้มสำหรับหนูแล้วค่ะ คุ้มมากๆเลย 

ที่นี่ทำให้หนูลังเลที่จะสมัคร wat ปีอื่นด้วยค่ะ กลัวไปแล้วไม่เจอเพื่อนร่วมงานหรือซุปที่ดีเท่านี้ค่ะ555555🤣

ปล.ที่หนูเล่าดูดี แต่งานหนักใช้ได้เลยค่ะ55555 แต่ถ้าสู้งาน ก็อยู่ได้แน่นอนค่ะ

S__247529479.jpg
S__247529477.jpg
S__247529482.jpg
S__247529480.jpg

น้องนิดหน่อย

มหาวิทยาลัยขอนแก่น

งาน: South Carolina, Myrtle Beach

bottom of page